สายด่วนนายก 093-130-3409
ช่องทางการตอบแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (EIT)
ช่องทางการตอบแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน (IIT)
แบบประเมินความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานของเทศบาลตำบลท่าวังตาล
เกี่ยวกับเทศบาล » ประชาสัมพันธ์ การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
ประชาสัมพันธ์ การเลือกตั้ง
สมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี
เทศบาลตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
ด้วยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ได้แจ้งแผนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลฯ (กรณีดำรงตำแหน่งครบวาระในวันที่ 27 มีนาคม 2568) โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้วันที่ 31 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 4 เมษายน 2568 เป็นวันสมัครรับเลือกตั้ง และกำหนดให้วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 เป็นวันเลือกตั้ง
เทศบาลตำบลท่าวังตาล จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่สนใจเข้าสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลยางเนิ้ง ติดต่อขอสอบถามข้อมูลได้ที่ งานนิติการ สำนักปลัดเทศบาล เทศบาลตำบลท่าวังตาล โทรศัพท์หมายเลข 0-5314-0981 ต่อ 107 , 118 ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือ สามารถดาวน์โหลดไฟล์เอกสารใบสมัครรับเลือกตั้งฯ และตัวอย่างการกรอกใบสมัครฯ ได้ที่เว็บไซต์เทศบาลตำบลท่าวังตาล https://www.thawangtan.org/ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ และข่าวประชาสัมพันธ์ ของเทศบาลตำบลท่าวังตาล
1.ประกาศผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
เรื่อง ให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลท่าวังตาล ดูรายละเอียด
2.ประกาศผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
เรื่อง ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าวังตาล ดูรายละเอียด
3.ประกาศแบ่งเขตการเลือกตั้งเทศบาล ดูรายละเอียด
ประกาศแบ่งเขตการเลือกตั้งเทศบาล
- ประกาศแบ่งเขตการเลือกตั้งเทศบาล ดูรายละเอียด
- ประกาศสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่
เรื่อง การแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลในจังหวัดเชียงใหม่ ดูรายละเอียด
สื่อประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งเทศบาล
- คู่มือประชาชนการเลือกตั้งเทศบาล ดูรายละเอียด
- คู่มือการรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ดูรายละเอียด
- สื่อประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งเทศบาล ดูรายละเอียด
- สปอตวิทยุประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ดูรายละเอียด
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
- พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ดูรายละเอียด
- พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ดูรายละเอียด
- พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 ดูรายละเอียด
- ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ดูรายละเอียด
- ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 (ฉบับที่ 2) ดูรายละเอียด
- ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 (ฉบับที่ 3) ดูรายละเอียด
- ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 (ฉบับที่ 4) ดูรายละเอียด
- ระเบียบ กกต. ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 ดูรายละเอียด
- ระเบียบ กกต. ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ดูรายละเอียด
ใบสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ดูรายละเอียด
ประเภทของเทศบาล
ปัจจุบันการปกครองส่วนท้องถิ่นแบบเทศบาล แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรและรายได้ของเทศบาล ดังนี้
จำนวนสมาชิกสภาเทศบาลหรือนายกเทศมนตรี
จำนวนสมาชิกสภาเทศบาล แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้
จำนวนนายกเทศมนตรี
เทศบาลทุกประเภท มีนายกเทศมนตรีได้เทศบาลละ 1 คน
คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 49 และมาตรา 50 ประกอบพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 มาตรา 15 และมาตรา 48 เบญจ ได้กำหนดคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ดังนี้
คุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
1.มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
2.ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิก สภาเทศบาลต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง
3.มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเทศบาลที่สมัครรับเลือกตั้งในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลา ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
4.สำหรับผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา
ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
1.ติดยาเสพติดให้โทษ
2.เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
3.เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
4.เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 39 (1) เป็นภิกษุสามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดหรือไม่ และ (4) วิกลจริต หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
5.อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิ สมัครรับเลือกตั้ง
6.ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
7.เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
8.เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ
9.เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
10.เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิตนำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน
11.เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง
12.เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ
13.เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น
14.เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
15.เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
16.อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
17.เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
18.ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี
19.เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง
20.อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
21.เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและยังไม่พ้น 5 ปี นับแต่วันที่พ้นจากการถูกเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งจนถึงวันเลือกตั้ง
22.เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น
23.เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทนหรือเอื้อประโยชน์ส่วนตน ระหว่างกัน และยังไม่พ้นห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง
24.เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงและยังไม่พ้น 5 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง
25.เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง
26. ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด
การสมัครรับเลือกตั้ง
ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาล พร้อมทั้งหลักฐานการสมัครและค่าธรรมเนียมการสมัคร ดังนี้
หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง
1.ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1
2.รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเองขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลกำหนด
3.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
4.สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
5.ใบรับรองแพทย์
6.หลักฐานการศึกษา (กรณีสมัครนายกเทศมนตรี)
7.หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้งเว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยันการไม่ได้เสียภาษีพร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2
ทั้งนี้ ผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้ง ต้องยื่นหลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 3 ปี (2565 , 2566 , 2567) เพื่อใช้ในการสมัครรับเลือกตั้ง
ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง
1. สมาชิกสภาเทศบาล เทศบาลนคร 5,000 บาท เทศบาลเมือง 3,000 บาท เทศบาลตำบล 2,000 บาท
2. นายกเทศมนตรี เทศบาลนคร 10,000 บาท เทศบาลเมือง 8,000 บาท เทศบาลตำบล 5,000 บาท
ทั้งนี้ การสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้ว่าตนเองขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครมีโทษตามมาตรา 120 ที่บัญญัติว่า
ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี
และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ประชาชนจะสามารถใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งได้ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
บุคคลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ ในวันเลือกตั้งเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง
มีลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด
หลักฐานที่ใช้แสดงตนในการลงคะแนนเลือกตั้ง
- แอปพลิเคชัน ThaID (บัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์)
- แอปพลิเคชัน DLT QR LICENCE (ใบอนุญาตขับขี่อิเล็กทรอนิกส์)
- แอปพลิเคชันบัตรคนพิการ (บัตรประจำตัวคนพิการดิจิทัล)
การเตรียมความพร้อมของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องดำเนินการเตรียมพร้อมก่อนไปใช้สิทธิ ดังนี้
1.ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ลิงค์ >> https://boraservices.bora.dopa.go.th/election/enqelection-local/
ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 25 วัน
ตรวจสอบรายชื่อได้ที่ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล ที่เลือกตั้งหรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง
ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 15 วัน
ตรวจสอบรายชื่อจากเอกสารที่แจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งมายังเจ้าบ้าน
ก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 วัน
หากพบว่าตนเองหรือผู้มีชื่อยู่ในทะเบียนบ้านของตนไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือเจ้าบ้านเห็นว่ามีชื่อบุคคลอื่นอยู่ในทะเบียนบ้านของตนโดยไม่ได้อาศัยอยู่จริงให้ยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นเพื่อขอเพิ่มชื่อ – ถอนชื่อ พร้อมนำสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวอื่นใดที่ทางราชการออกให้ไปแสดงด้วย
การแจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใดที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เนื่องจากมีเหตุอันสมควร ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยทำเป็นหนังสือซึ่งต้องระบุเลขประจำตัวประชาชน และที่อยู่ตามหลักฐานทะเบียนบ้าน ภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง หรือภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง ทำหนังสือยื่นต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น สามารถแจ้งด้วยตัวเอง หรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปยื่นแทน จัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือทางออนไลน์ ผ่านทางแอปพลิเคชัน Smart Vote หรือเว็บไซต์สำนักบริหารการทะเบียน ลิงค์ >> https://boraservices.bora.dopa.go.th/election/abscauselocal/
เหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
กรณีที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้แจ้งเหตุไว้แล้ว หากในวันเลือกตั้งเหตุดังกล่าวได้สิ้นสุดลง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิเลือกตั้งได้
หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะถูกจำกัดสิทธิ ดังนี้
ดำรงตำแหน่งเลขานุการประธานสภาท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาท้องถิ่น และเลขานุการรองประธานสภาท้องถิ่นการถูกจำกัดสิทธิ กำหนดเวลาครั้งละ 2 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง
ขั้นตอนการลงคะแนนเลือกตั้ง
เวลาลงคะแนนเลือกตั้ง
ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น.
การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น
ห้ามมิให้
- ผู้ใดซึ่งรู้อยู่แล้วว่าตนเองเป็นผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง พยายามออกเสียงลงคะแนน หรือออกเสียงลงคะแนน
- ผู้ใดจงใจกระทำด้วยประการใด ๆ ให้บัตรเลือกตั้งที่ตนได้รับจาก กปน. ชำรุดหรือเสียหาย หรือให้เป็นบัตรเสีย หรือกระทำด้วยประการใด ๆ แก่บัตรเสียเพื่อให้เป็นบัตรที่ใช้ได้
<span st